นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวปัจจุบัน ผู้ประกอบการเริ่มกลับมายิ้มได้ หลังรัฐบาลมีการเปิดประเทศ และมีชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-12 พ.ค.65 มีชาวต่างชาติเข้ามาเกิน 1 ล้านคนแล้ว และตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 50%ของปี 62 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ทำให้ตอนนี้การท่องเที่ยวไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังพลิกโฉมใหม่สู่การท่องเที่ยวคุณภาพและยั่งยืน
“ปีนี้เราตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 50% ของปี 62 เพื่อเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจ และปีหน้าตั้งเป้าหมายที่ 80% หรือ 2.4 ล้านล้านบาท แต่ในส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าหมายจะมีครึ่งเดียวพอ เพราะจะปรับสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น โดยวางแผนการทำตลาดแบบแผนการเล่นฟุตบอล 4-3-3 ซึ่ง 4 กลุ่มแรก จะเน้นดึงกลุ่มทองเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มเกษียณ กลุ่มนักเดินทางที่มีรายได้จากทางออนไลน์ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะเที่ยวบ่อย พักนาน และใช้จ่ายเยอะ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนอีก 3 กลุ่ม แบ่งตามช่วงอายุ ได้แก่ ยุคเบบีบูม เจนและซี เจนวาย เพราะมองว่าหลังเกิดโควิดกลุ่มเหล่านี้มีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น และ 3 กลุ่มสุดท้ายแบ่งแยกตามไลฟ์สไตล์ ได้แก่ นักท่องเที่ยวกลุ่มสุขภาพ ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงถึง 1 แสนบาท มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 2 เท่าตัว กลุ่มฮันนีมูนเพราะในช่วงโควิดมีคนแต่งงานแต่กลับไม่มีโอกาสฮันนีมูน จึงจะเร่งโปรโมตให้มาท่องเที่ยวในไทย และสุดท้ายเป็นนักท่องเที่ยวที่ดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันจะนำโมเดลธุรกิจบีซีจี ได้แก่ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวมาใช้ เพื่อเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบ 5 ลด เช่น ลดใช้พลาสติก ลดการใช้แพ็กเกจจิ้งที่ไม่ยั่งยืน การนำพลังงานสะอาดมาใช้ ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล การทำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ผู้ประกอบการใช้ ตลอดจนดึงสตาร์ทอัพช่วยพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ รัฐก็เข้าไปช่วยเหลือมาต่อเนื่อง ทั้งการเสริมสภาพคล่อง ซอฟต์โลนปล่อยกู้ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ปล่อยกู้ไปแล้ว 7,847 ราย การทำโครงการกำลังใจ ดึง อสม.เที่ยวผ่านบริษัททัวร์ 8 แสนคน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย ใช้เงินรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทยปีนี้และปี 66 ล่าสุดผลจากสงครามทำให้ราคาน้ำมัน ต้นทุนวัตถุดิบการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นอุตสาหกรรมจะต้องเร่งหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ ปรับสูตร ใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น และอีกเรื่องที่ต้องรับมือประเด็นสิ่งแวดล้อม ปล่อยคาร์บอนลดลง โดยอุตสาหกรรมดั้งเดิม ซึ่ง 80% เป็นเอสเอ็มอี ต้องผลักดันให้เป็นสมาร์ทเอสเอ็มอี ต้องโกดิจิทัล โกอินโนเวชัน โกโกลบอล ต้องปรับตัวใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อน, มีสินค้าของตนเอง ไม่ใช่โออีเอ็มต่อไป และต้องทำให้แข่งขันได้ สู้ได้ ส่งออกได้