เมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 31 พ.ค.65 ที่สำนักงานใหญ่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ที่ปรึกษา รมว.อุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดตัวและส่งมอบผลงานโครงการการพัฒนาต้นแบบอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ภายใต้โครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าที่พัฒนาจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ขสมก.(City transit E-buses)โดยภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าไทย
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ในช่วง2-3ปี ยานยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากประโยชน์ในการลดต้นทุนด้านพลังงาน ที่สําคัญคือการลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลงทุนและน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าระดับอุตสาหกรรม จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยความร่วมมือ (Consortium)ภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าไทย ที่ดําเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย ประกอบไปด้วยสมาชิกจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ สํานักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร กรมการขนส่งทางบก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) บริษัทเอกชน ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 57 ล้านบาท ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สนับสนุนงบประมาณหน่วยงานละ 11 ล้านบาท รวมเป็น 33 ล้านบาท สวทช. สนับสนุนงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้า และดำเนินการวิจัย รวมทั้งบริษัทเอกชนที่ผลิตรถโดยสารทั้ง 4 คัน ได้สนับสนุนงบประมาณคันละ 3.5 ล้านบาท รวมเป็น 14 ล้านบาท ขณะที่ ขสมก. ได้สนับสนุนรถโดยสารที่ปลดระวาง ที่มีอายุการใช้งานกว่า 20 ปี
สำหรับการนํามาปรับปรุงและพัฒนาเป็นรถโดยสารไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดต้นทุนการนําเข้าหรือผลิตรถโดยสารไฟฟ้าใหม่ ด้วยมูลค่าสัดส่วนการผลิตชิ้นส่วนจากในประเทศมากกว่า40%และมีต้นทุนต่ำกว่าการผลิตและนําเข้ารถโดยสารไฟฟ้าใหม่มากกว่า30%หรือประมาณ7ล้านบาทต่อคัน ซึ่งถ้าเทียบกับนำเข้ารถโดยสารไฟฟ้าจากต่างประเทศ จะมีต้นทุนคันละ 10-12 ล้านบาท
ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า กล่าวอีกว่า สำหรับภาคเอกชนร่วมพัฒนารถโดยสารใช้แล้วของ ขสมก. เป็นรถโดยสารไฟฟ้า ก่อนส่งมอบให้กับหน่วยงานผู้สนับสนุน กฟน. กฟภคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. กฟผ. และ ขสมก. นําไปใช้งานจริง ประกอบด้วย1.บริษัท โชคนําชัย-ไฮเทคเพลสซิ่ง จํากัด พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (CNC EV BUS)สัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ40%ที่มุ่งเน้นการพัฒนาตัวถังจากวัสดุน้ำหนักเบา ด้วยตัวถังอลูมิเนียม ลดน้ำหนักตัวถังเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ เพื่อส่งมอบให้กับ กฟน.2.บริษัท พานทอง กลการ จํากัด พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (PTM EV BUS)สัดส่วนการใช้ ชิ้นส่วนภายในประเทศ60%โดยมีความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตและจําหน่ายชุดแบตเตอรี่ลิเทียมไออนภายในประเทศ เพื่อส่งมอบให้กับ กฟผ.
3.บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (EVT EV BUS)สัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ40%มีจุดเด่นที่ใช้ชิ้นส่วนสําคัญจากผู้ผลิตชั้นนําจากต่างประเทศโดยตรง ทําให้มีความเชื่อมั่นในการใช้งานและรับประกัน เพื่อส่งมอบให้กับ กฟภ. และ4.บริษัท สบายมอเตอร์ (ไทยแลนด์) จํากัด พัฒนา รถโดยสารไฟฟ้า (SMT EV BUS)ที่มีจุดเด่นในความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการออกแบบระบบ ขับเคลื่อน จากประสบการณ์พัฒนารถโดยสารไฟฟ้าและทดสอบใช้งานบนสภาวะการขับขี่จริง บนระยะทางกว่า25,000กิโลเมตร เพื่อส่งมอบให้กับ ขสมก.
ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับมอบรถเมล์ไฟฟ้าแล้ว ขสมก. จะนำไปจดทะเบียนตามกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)กำหนดให้เรียบร้อย จากนั้นจะนำมาวิ่งให้บริการในเส้นทางเดินรถของ ขสมกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำแผนว่าจะนำไปให้บริการในเส้นทางไหน โดยจะคลอบคลุมทั้งเส้นทางในเมืองและนอกเมือง สำหรับรถโดยสารไฟฟ้าที่ได้รับมอบนี้ ตามโครงการวิจัยจะสามารถใช้งานได้ 5-10 ปี